วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์

ความเป็นมาของ พรบ.เกี่ยวกับการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์
เพื่อให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมายรองรับสังคมสารสนเทศ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงอยู่ของสังคมในศตวรรษที่ ๒๑ ใน พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้มีการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้น 6 ฉบับ โดย ๓ ฉบับแรก เป็นกฎหมายที่ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในเชิงสร้างสรรค์ อันเอื้อต่อการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ส่วนกฎหมายในลำดับที่ ๔ และลำดับ ๕ เป็นกฎหมายที่จะใช้เป็นมาตรการในการคุ้มครองหรือปกป้องสังคมจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในเชิงไม่สร้างสรรค์ และฉบับสุดท้ายเป็นกฎหมายฉบับที่จะสร้างกลไกเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมสารสนเทศ โดยกฎหมายดังกล่าวปรากฏตามรายการ ดังต่อไปนี้
1.กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับผลทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๕ และมีการตั้ง คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเพื่อดำเนินการต่างๆต่างพระราชบัญญัตินี้(อ่าน ตัวพรบ.นี้ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔)
2.กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับผลทางกฎหมายของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้มีการจัดทำแยกเป็นอีกหนึ่งฉบับ เพราะได้มีการรวมหลักการไว้กับกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๕
3.กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการจัดทำขึ้นเพื่อรองรับการโอนเงินและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เดิมจะพัฒนาเป็นกฎหมายลำดับพระราชบัญญัติ แต่หลังจากที่มีการดำเนินงานของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว คณะกรรมการฯได้จัดทำเป็นกฎหมายลำดับรองภายใต้มาตรา ๓๒ ของกฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แทน เรียกว่าร่างพระราชกฤษฎีกากำกับดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... เพื่อให้คล่องตัวและเร็วขึ้นกว่าการทำเป็นพระราชบัญญัติ ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้รับหลักการและมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
4.กฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดฐานความผิดและบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อผ่านการรับหลักการของคณะรัฐมนตรี และเข้าสู่การพิจารณาโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน)แล้ว ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ .เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่า การกระทำบางลักษณะไม่น่าจะเป็น “อาชญากรรม Crime)”) ร่างกฎหมายนี้ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปเมื่อวันที่ ๑๕ พ.ย. ๒๕๔๙ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (อ่านตัวร่าง พ.ร.บ. นี้ ร่าง พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ผ่าน สคก.แล้ว)
5.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล.. ได้จัดทำขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัว โดยมุ่งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่อาจมีการละเมิดและสามารถนำไปใช้ในทางมิชอบได้โดยง่าย (ในการทำธุรกรรมทางออนไลน์หรือการใช้อินเทอร์เน็ต) ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ให้ความเห็นชอบให้สนง.ปลัดนายกรัฐมนตรี (โดยสนง.ข้อมูลข่าวสารของราชการ) ทำหน้าที่รวมร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเข้ากับร่างกฎหมายที่จัดทำโดยสขร. โดยยังคงยืนยันให้มีการจัดตั้งสำนักงานที่จะดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ภายใต้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
6.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ. ได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาโครงสร้างพี้นฐานสารสนเทศ และให้ประชาชนเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันอันจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ตามเจตนารมณ์มาตรา ๗๘ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ ได้มีการส่งมอบเรื่องให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการต่อไป หลังปรับปรุงระบบราชการ และไม่ได้มีการยืนยันร่างกฎหมายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ร่างกฎหมาย
ตกไป.



ตัวอย่างและที่มา พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์
ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ทุกคนควรทราบ
มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 50

1. เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขาแล้วเราแอบเข้าไปดู…
=เจอคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.แอบไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเค้า แล้วบอกให้คนอื่นรู้ …
=เจอคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ข้อมูลของเขา เขาเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ดีๆ แล้วแอบไปล้วงข้อมูลของเขาออกมา …
=เจอคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
4. เขาส่งข้อมูลหากันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบส่วนตัว แล้วเราทะลึ่งไปดักจับข้อมูลของเขา …
=เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
5. ข้อมูลของเขาอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเขา เราดันมือบอนแก้…
=เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. ระบบคอมพิวเตอร์ของเค้าทำงานอยู่ดีๆ เราดันยิง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm หรืออะไรก็ตามเข้าไปก่อกวนจนระบบเขาเดี้ยง …
=เจอคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
7. เขาไม่ได้อยากได้ข้อมูลหรืออีเมลล์จากเราเลย เราก็ทำตัวเซ้าซี้ส่งให้เขาซ้ำๆ อยู่นั่นแหล่ะ จนทำให้เขาเบื่อหน่ายรำคาญ …
=เจอปรับไม่เกิน100,000 บาท
8. ถ้าเราทำผิดข้อ 5. กับ ข้อ 6. แล้ว...
- ทำให้เราๆ ท่านๆ บุคคลทั่วไปเกิดความเสียหาย ...
=จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000บาท
- ก่อความเสียหายต่อความมั่นคงต่อประเทศ
=จำคุกตั้งแต่ 3 - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000บาท ถึง 300,000บาท และถ้าทำให้ใครตายก็จะปรับโทษเป็น ... จำคุกตั้งแต่ 10ปีถึง 20ปี
9. ถ้าเราสร้างซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ใครๆทำเรื่องแย่ๆในข้อข้างบนได้ …
=เจอคุกไม่เกินปีหนึ่ง หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
10.โป๊, โกหก, ปลอมแปลง,กระทบความมั่นคง, ก่อการร้าย, และส่งต่อข้อมูลทั้งๆที่รู้ว่าผิดตามที่กล่าวมาข้างต้น …
=เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
11. ใครเป็นเจ้าของเว็บ แล้วสนับสนุน/ยอมให้เกิดข้อ 10. โดนเหมือนกัน …
=เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เท่ากับคนที่ทำเลย
12. ใครอยากเป็นศิลปินข้างถนน ที่ชอบเอารูปชาวบ้านมาตัดต่อแล้วเอาไปโชว์ผลงานบนระบบคอมพิวเตอร์ให้ใครต่อใครดู เตรียมใจไว้เลยมีสิทธิ์โดน…
=เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
13. เราทำผิดที่เว็บไซต์ซึ่งอยู่เมืองนอก แต่ถ้าเราเป็นคนไทย อย่าคิดว่ารอด โดนแหงๆ
=ฝรั่งทำผิดกับเรา แล้วอยู่เมืองนอกอีกต่างหาก เราเป็นคนไทย ก็เรียกร้องเอาผิดได้เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประวัติคณะการบัญชีและการจัดการ

ประวัติคณะบัญชีและการจัดการ

คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้ ระเบียบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าด้วยคณะการบัญชีและการจัดการ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2541 มีลักษณะของการดำเนินงานและรูปแบบของการบริหารงานแบบนอกระบบราชการเน้นความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และพึ่งตนเองมากที่สุดในการจัดการศึกษา โดยมีสภามหาวิทยาลัยมหาสารคามทำหน้าที่กำกับดูแลและควบคุม
คณะการบัญชีและการจัดการเริ่มต้นจากภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ใน ปีการศึกษา 2538 ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจ (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาการตลาดขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จากเดิมที่เปิดสอนเฉพาะวิชาโทบริหารธุรกิจ) โดยจัดสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเป็นโครงการพิเศษ ในปีการศึกษา 2540 ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการตลาดด้วย
ในปีการศึกษา 2546 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบัญชีบัณฑิต และหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิตขึ้น
ในปีการศึกษา 2547 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาธุรกิจระหว่าง ประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) ขึ้นอีกหลักสูตรหนึ่ง พร้อมทั้งมีการปรับปรุง หลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ในปีการศึกษา 2548 คณะฯ ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการจัดการทรัพยากร มนุษย์ สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ สาขาวิชาการบริหารการเงิน สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ และหลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (ศ.บ.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ
นอกจากนี้คณะฯ ยังได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (M.B.A.) สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) และเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ศ.ม.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และระดับปริญญาเอกหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการจัดการ ขึ้นอีกด้วย
จากวันนั้น ถึงวันนี้คณะการบัญชีและการจัดการได้พัฒนาความก้าวหน้าทั้งทางด้านวิชาการและการ บริหารงานมาโดยตลอด เกือบ 10 ปี ที่ก้าวเดินบนเส้นทางการผลิตบัณฑิต และมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ทำให้ปัจจุบัน คณะฯ ได้ผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดออกไปรับใช้สังคมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และระดับประเทศจำนวนมาก ซึ่งบัณฑิตและมหาบัณฑิตของคณะฯ เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพการบัญชีและบริหารธุรกิจเป็นอย่างดี มีคุณธรรม จริยธรรมที่โดดเด่น และสามารถประยุกต์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และช่วยเหลือ สนับสนุน และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม คณะฯ ได้มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและความเข้าใจในวิทยาการด้านบริหารธุรกิจและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานต่างๆ ในเขตภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ โดยจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการ 3 ศูนย์คือ
1.ศูนย์ที่ปรึกษาการประกอบการ (Center for Entrepreneurship and Business Management) มีภาระหน้าที่ให้คำปรึกษาการจัดตั้งและการประกอบการ รวมถึงการบริหารงานของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง การจัดองค์กร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยตลาด ตลอดจนการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ
2.ศูนย์พัฒนาการบัญชี (Center for Accounting Development) มีภาระหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชีและภาษีอากรโดยเฉพาะ ได้แก่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบัญชี การวางระบบบัญชี และการภาษีอากร และการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชี และ การภาษีอากร ตลอดจนการให้บริการเป็นหน่วยตรวจสอบบัญชีของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
3.ศูนย์ที่ปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ การบริหารระบบคอมพิวเตอร์ การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ธุรกิจ และการพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ รวมถึงการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆในประเด็นและหัวข้อทาง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการใช้ซอฟต์แวร์ทางด้านธุรกิจ`
ปรัชญา ( Philosophy)
คณะการบัญชีและการจัดการ มุ่งเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาความรู้ความสามารถในวิชาชีพ และสร้างสรรค์วิทยาการด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติได้
ปณิธาน (Determination)
คณะการบัญชีและการจัดการ มุ่งสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการที่มีความเป็นเลิศ และผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ เพียบพร้อมด้วยความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพ มีความใฝ่รู้ มีความคิดเชิงวิเคราะห์และริเริ่มสร้างสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม และดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
วิสัยทัศน์ (Vision)
คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำ ที่มีความโดดเด่นทางด้านคุณภาพการเรียนการสอน ศักยภาพการพัฒนางานวิจัย และความเป็นเลิศในการบริการวิชาการทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
พันธกิจ (Mission)
1.ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ที่มีความเป็นเลิศ มีศักยภาพและเจตนาที่ดีต่อการประกอบอาชีพ รวมทั้งมีความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการอย่างมืออาชีพ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสังคม
2.ผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ และประยุกต์ให้เหมาะกับธุรกิจในท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับสากล รวมถึงการผลิตเอกสารและตำราเรียนที่มีคุณภาพ
3.ให้บริการวิชาการเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินงานตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศ
4.พัฒนานิสิตให้มีความพร้อมด้านคุณธรรม จริยธรรม และบุคลิกภาพ โดยผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมนิสิต เพื่อให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
5.ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
6.ประยุกต์ใช้ระบบการบริหารจัดการและเทคโนโลยีที่เป็นเลิศภายในองค์กร โดยใช้หลักธรรมมาภิบาล และวัฒนธรรมคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการความรู้ทั่วทั้งองค์กร
ค่านิยมร่วม (Share Values)
คณะการบัญชีและการจัดการ ยึดมั่นในความเป็นมืออาชีพ (Profressionalism) มีสัมพันธภาพที่ดี (Relationship) สร้างสรรค์นวัฒกรรม (Innovation) มุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานอย่างมีความสุข (Devotion) และมีคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ (Ethics)
วัตถุประสงค์ (Objectives)
1.เพื่อผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา ทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
2.เพื่อบริการวิชาการทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและนอกมหาวิทยาลัย
3.เพื่อสร้างสรรค์งานวิจัยทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
4.เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและการทำงานตามหลักการบริหารจัดการที่ดี


สามารถdownload file ได้ที่นี้
'>ประวัติคณะการบัญชีและการจัดการ

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อาหารเหนือ


ยำผักเฮือด
เครื่องปรุง

ผักเฮือดนึ่งสุก หั่นละเอียด 3ถ้วย
หมูสับ คั่วให้สุก 3 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอม-ผักชี ซอย 1/2 ถ้วย
มะเขือเทศลูกเล็ก (ผ่าครึ่ง)8ลูก
กระเทียมเจียว 1/2ถ้วย
หอมแดงเจียว 1/2ถ้วย
น้ำมันพืช 2ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง
พริกแห้งเผา 7 เม็ด
หอมแดงเผา 5 หัว
กระเทียมเผา 2 หัว
ข่าหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำปลาร้าต้มสุก 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1 โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด
2 ผักเฮือด เครื่องแกง ผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำปลาร้า
3 กระทะตั้งไฟใส่น้ำมัน เอาผักเฮือดลงผัด
4 ใส่มะเขือเทศผัดต่อจนสุก ชิมดู
5 ตักใส่จานโรยด้วยต้มหอมผักชี หอมแดงเจียวกระเทียมเจียว รับประทานกับหอมหัวใหญ่ แคบหมู